เปิดแอร์โหมดไหน ให้ประหยัดไฟ
เมืองไทยเป็นเมืองร้อน เราจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเผชิญกับอากาศร้อน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงมากนัก เพราะแทบทุกบ้านคงมีเครื่องปรับอากาศประจำบ้านเพื่อต่อสู้กับสภาพอากาศอันเลวร้ายกันอยู่แล้ว การจะใช้งานเครื่องปรับอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของเรานั้น จำเป็นจะต้องรู้เรื่องโหมดต่างๆ ว่าแต่ละโหมดนั้นให้ความเย็นแบบไหน เหมาะกับการเปิดช่วงไหนเป็นพิเศษ เพราะโหมดความเย็นของแอร์ทุกรุ่นค่อนข้างคล้ายกันทั้งหมด โดยมีสัญลักษณ์บ่งบอกการทำงานของโหมดนั้นๆ ดังนี้
โหมด AUTO
โหมดนี้แอร์จะปรับอุณหภูมิและความเร็วพัดลมตามอัตโนมัติ ไม่ต้องปรับใดๆ มีเซนเซอร์ในประมวลผลอุณหภูมิและพัดลมให้แล้ว เพื่อให้ได้ความเย็นที่เหมาะสมกับอากาศและการทำงานภายในห้อง เป็นโหมดที่ใช้งานง่ายถือเป็นโหมดยอดนิยมสำหรับหลายๆ คน ทั้งยังไม่ค่อยกินไฟอีกด้วย
โหมด COOL
เป็นโหมดที่สามารถปรับอุณหภูมิขึ้นลงได้เองตามที่ต้องการ โดยแอร์จะทำงานในลักษณะค่อยๆ ลดอุณหภูมิในห้องให้ต่ำลงตามที่เราตั้งค่าเอาไว้ เมื่อเครื่องทำงานถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้แล้วจะทำการตัดทันที เป็นโหมดที่ช่วยให้ห้องเย็นเร็วขึ้น แต่ก็พ่วงความกินไฟที่สูงขึ้นตามมาด้วย แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิที่ 25 องศา พอความเย็นคงที่ก็เปลี่ยนเป็นโหมด AUTO เพื่อช่วยประหยัดไฟ
โหมด DRY
โหมดนี้จะช่วยลดความชื้นภายในห้อง เมื่อเลือกการทำงานโหมดนี้แล้วเราจะไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ แอร์จะไม่ทำความเย็นใดๆ เหมาะแก่การเปิดในวันที่ฝนตก การใช้งานแอร์ในโหมดนี้ก็เพื่อไล่ความชื้นในอากาศออก ความชื้นเหล่านั้นจะถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำและระบายผ่านท่อแอร์ออกไป ซึ่งโหมดนี้จะมีอัตราการกินไฟต่ำ
โหมด FAN
การทำงานของโหมดนี้แอร์จะทำหน้าที่เป็นพัดลม ปล่อยลมออกมาโดยไม่มีความเย็น จะเหมาะสำหรับใช้ในช่วงอากาศหนาวเย็น จุดประสงค์ของโหมดนี้คือ การลดกลิ่นอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ หากเมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มรู้สึกว่าในห้องมีกลิ่นอับหรือกลิ่นไม่ดี สามารถเปิดโหมดพัดลมทิ้งไว้ได้เลย เพื่อให้แอร์เป่าลมออกมา ช่วยลดความชื้นที่สะสมอยู่ในเครื่องได้เป็นอย่างดี